วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานไม่ได้ส่งให้แรงงาน ใช้บังคับกับพนักงานได้หรือไม่ / หากไม่ส่งนายจ้างมีความผิดอย่างไร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12642-12644/2557
                        โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่า ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จำเลยมิได้ส่งสำเนาให้แก่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมอบหมายภายในเจ็ดวันนับแต่วันประกาศใช้ข้อบังคับ จึงเป็นระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เห็นว่าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 108 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นภาษาไทย และข้อบังคับนั้นอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการดังต่อไปนี้ (1) วันทำงาน เวลาทำงานปกติ และเวลาพัก...ฯลฯ (8) การเลิกจ้าง ค่าชดเชย และค่าชดเชยพิเศษ
                        ให้นายจ้างประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่นายจ้างมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และให้นายจ้างจัดเก็บสำเนาข้อบังคับนั้นไว้ ณ สถานที่ประกอบกิจการหรือสำนักงานของนายจ้างตลอดเวลา และให้ส่งสำเนาข้อบังคับให้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเจ็ดวันนับแต่วันประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าว
                        ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจสั่งให้นายจ้างแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ขัดต่อกฎหมายให้ถูกต้องในเวลาที่กำหนด
                        ให้นายจ้างเผยแพร่และปิดประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานโดยเปิดเผย ณ สถานที่ทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบและดูได้โดยสะดวก และมาตรา 146 บัญญัติว่า นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 15ฯลฯ มาตรา 108ฯลฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามบทกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้นายจ้างผู้ซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป จัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และให้ส่งสำเนาข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตรวจสอบว่าข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าวมีส่วนใดที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีส่วนใดขัดต่อกฎหมายก็ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีคำสั่งให้นายจ้างแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ขัดต่อกฎหมายให้ถูกต้องและให้นายจ้างเผยแพร่และปิดประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานโดยเปิดเผย ณ สถานที่ทำงานของลูกจ้าง หากนายจ้างไม่ปฏิบัติจะถูกลงโทษตามมาตรา 146 ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุ้มครองลูกจ้างมีประสิทธิภาพและให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองมากขึ้น ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.10 ที่จำเลยจัดทำขึ้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการที่กฎหมายกำหนดไว้ครบถ้วนแล้วโดยเฉพาะการเลิกจ้างได้กำหนดไว้ในข้อ 22.2 ว่าการเลิกจ้างเมื่อครบเกษียณอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และศาลแรงานกลางฟังข้อเท็จจริงแล้วว่าจำเลยได้ประกาศใช้บังคับระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าวและปิดประกาศไว้ที่บอร์ดภายในสำนักงานของจำเลยและที่ประตูทางเข้าที่พักของพนักงาน และไม่ปรากฏว่าระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.10 ข้อใดขัดต่อกฎหมาย ทั้งระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าวยังประกาศใช้ก่อนที่โจทก์ทั้งสามเข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลย ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามเอกสารหมาย ล.10 จึงใช้บังคับระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยได้ ส่วนที่ว่าจำเลยเริ่มประกอบกิจการและมีลูกจ้างเกินกว่า 10 คน มาตั้งแต่ปี 2539 จำเลยเพิ่งประกาศใช้ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในวันที่ 1 มิถุนายน 2542 เกินกำหนดระยะเวลา 15 วัน และจำเลยมิได้ส่งสำเนาระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้นให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมอบหมาย อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติมาตาม 108 วรรคหนึ่ง และวรรคสองดังที่โจทก์อุทธรณ์ก็ตาม ก็เป็นเพียงทำให้จำเลยต้องรับโทษตามบทบัญญัติมาตรา 146 เท่านั้น ไม่ทำให้ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าวเป็นอันเสียไปแต่อย่างใด อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น