ในการจ้างงาน
นายจ้างย่อมหวังว่าลูกจ้างจะต้องทำงานให้กับตนเต็มที่
จึงได้มีกฎระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเพื่อให้ลูกจ้างต้องปฏิบัติงานให้อย่างเต็มความสามารถ
ลูกจ้างบางคนไม่ใส่ใจระเบียบบริษัทฯ
เช่นชอบมาทำงานไม่เป็นไปตามเวลาทำงานปกติที่นายจ้างกำหนด
กลับก่อนเวลาเลิกงาน ถ้าทำบ่อยเข้า
นายจ้างอาจลงโทษตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือทนไม่ได้
อาจไม่ให้ทำงานต่อไป หรือเลิกจ้างได้
ตามคำสั่งเลิกจ้างของจำเลยเอกสาร ล.๑๕ ข้อ.๒ ระบุว่า โจทก์ไม่อุทิศเวลาทำงานให้บริษัทฯ
มีการมาปฏิบัติงานสาย ลาป่วย ลากิจมากเกินปกติในรอบปี ๒๕๔๙
จนถึงรอบปีปัจจุบัน ซึ่งจำเลยได้ออกหนังสือเตือนตามเอกสารหมาย
ล.๗ ข้อ ๑.๑ ก็ระบุว่าโจทก์มาทำงานสายถึง ๓๘ ครั้ง รวม ๔ ชั่วโมง ๕ นาที
และศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มาทำงานสายเป็นประจำ ถือว่าเป็นการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต จำเลยเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๕๘๓
ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า
ให้ยกคำขอให้จ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
หมายเหตุ คดีนี้เป็นกรณีพิพาทเรื่องสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
ในกรณีมาทำงานสาย นายจ้างอาจลงโทษโดยการตักเตือนเป็นหนังสือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานได้