ในการว่าจ้างพนักงานในบางตำแหน่ง ซึ่งล่วงรู้ความลับทางการค้า
วิธีการทางการทำงาน เช่นการตลาด การผลิต ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้บริษัทนายจ้างถือเป็นข้อเปรียบทางการค้า ในการรับลูกจ้างเข้าทำงาน
การทำสัญญาจ้างแรงงานนายจ้างมักกำหนดไว้ในสัญญาเพื่อป้องกันบริษัทคู่แข่ง ดึงตัว
หรือตัวลูกจ้างเองไปดำเนินการประกอบกิจการแข่งขัน
หรือนำความลับหรือข้อมูลทางการค้าไปประกอบธุรกิจแข่งขันกับบริษัทนายจ้าง
ดังนั้นการตัดสินใจในการทำสัญญาจ้างลูกจ้างจึงต้องพิจารณาดูและตัดสินใจว่าตนพร้อมที่จะผูกพันตามสัญญาดังกล่าวหรือไม่
ในประเด็นดังกล่าวเมื่อทำสัญญาจ้างไปแล้ว กรณีมีปัญหาลูกจ้างจะอ้างว่าการทำสัญญาดังกล่าวนั้นไม่ผูกพันตน
ตนไม่ตั้งใจทำสัญญาดังกล่าว
เพราะที่ต้องเซ็นในสัญญาเพียงเพื่อต้องการเข้าทำงานเท่านั้น
ไม่มีเจตนาผูกพันตามสัญญา (ซึ่งฟังไม่ขึ้น) หรือการทำสัญญาดังกล่าวเป็นการจำกัดการประกอบอาชีพอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
เป็นโมฆะ บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย ลุูกจ้างจะอ้างได้หรือไม่
พิจารณาจากฎีกานี้ดู
ฎีกาที่ ๑๒๕๕๒/๒๕๕๖
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ประกอบกิจการรับออกแบบ
สร้าง ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ เครื่องปรับปรุงคุณภาพน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสีย
และจำหน่ายเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับการปรับสภาพน้ำ และบำบัดน้ำเสีย วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๕ โจทก์จ้างจำเลยทำงานเป็นลูกจ้าง
ตำแหน่งสุดท้ายเป็นวิศวกรขายอาวุโส ตามสัญญาจ้างแรงงานข้อ ๑๐ ระบุภายในกำหนดระยะเวลา ๑๘ เดือน
นับแต่วันที่ทำสัญญาสิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ พนักงานสัญญาว่าจะไม่ทำงาน
เกี่ยวข้อง หรือ
มีส่วนร่วมดำเนินการไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งประกอบธุรกิจหรือกิจการในลักษณะอย่างเดียวกัน
และแข่งขันกับธุรกิจหรือกิจการของบริษัท ไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท หากพนักงานฝืนสัญญาข้อนี้ พนักงานยินยอมให้ปรับเงินเป็นจำนวน ๒ เท่า ของอัตราเงินเดือนขั้นสุดท้ายก่อนสัญญาสิ้นสุดคูณด้วย
๑๘ เดือน
วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ จำเลยลาออกจากการเป็นลูกจ้างและในวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ จำเลยเข้าทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท พ.
ซึ่งประกอบกิจการค้าธุรกิจในลักษณะอย่างเดียวกันกับของโจทก์และแข่งขันกับธุรกิจของโจทก์
โดยมีตำแหน่งเป็นวิศวกรขายงานโรงงาน แล้ววินิจฉัยว่า ตามสัญญาดังกล่าวมิใช่เป็นการห้ามจำเลยมิให้กระทำโดยเด็ดขาด จำเลยอาจกระทำได้เมื่อได้รับความยินยอมจากโจทก์ การกระทำที่ห้ามนั้นเป็นการห้ามเฉพาะกิจการในลักษณะอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับธุรกิจหรือกิจการของโจทก์
ทั้งกำหนดเวลาที่ห้ามไว้ก็เพียง ๑๘ เดือน นับแต่สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดเท่านั้น ลักษณะของข้อสัญญาเป็นการก่อให้เกิดหนี้ในการงดเว้นการกระทำตามที่กำหนด โดยเจตนาของคู่กรณีเช่นนี้ไม่เป็นการตัดการประกอบอาชีพของจำเลยทั้งหมดทีเดียว
เพียงแต่เป็นการห้ามเข้าเป็นลูกจ้างบริษัทที่ประกอบกิจการอย่างเดียวกับโจทก์และแข่งขันกับโจทก์ในระยะเวลาหนึ่งคือ
๑๘ เดือน เท่านั้น และกำหนดไว้ไม่นานเกินสมควร
เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่รักษาสิทธิและประโยชน์ของคู่กรณีที่เป็นไปโดยชอบในเชิงของการประกอบธุรกิจ
ไม่เป็นการปิดการทำมาหาได้ของจำเลยโดยเด็ดขาดจนไม่อาจดำรงอยู่ได้ ข้อตกลงดังกล่าวนี้จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนมีผลใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะและข้อตกลงดังกล่าวนี้เป็นข้อตกลงที่ไม่ทำให้จำเลยถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพซึ่งจำเลยต้องรับภาระมากกว่าที่จะพึงคาดหมายได้ตามปกติ ดังนั้นข้อตกลงดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะ เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางดังกล่าวชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าข้อสัญญาเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตกเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้
จึงฟังไม่ขึ้น