วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ย้ายตำแหน่ง ลดค่าจ้าง กับการเลิกจ้าง

              กรณีลูกจ้างไม่พอใจนายจ้าง เห็นว่านายจ้างกระทำต่อตนไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม การตัดสินใจกระทำบางอย่างลงไปต้องคิดให้รอบคอบ ปรึกษาจากผู้รู้เสียก่อน ตัวอย่างเช่นนายจ้างมีคำสั่งย้ายงาน ย้ายตำแหน่ง ควรพิจารณาว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมหรือไม่ นายจ้างมีสิทธิจะย้ายหรือไม่ หากไม่พอใจคำสั่งของนายจ้างมีระเบียบหรือช่องทางในการอุทธรณ์หรือให้นายจ้างพิจารณาใหม่หรือไม่ทั้งนี้เป็นไปตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน   การตัดสินใจผิดพลาดอาจจะเป็นโทษต่อตนในภายหลัง
ฎีกาที่ ๑๓๘๙๐/๒๕๕๕
                        ศาลแรงงานรับฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัท ท. ว่าจ้างโจทก์เข้าเป็นลูกจ้างในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ได้รับค่าจ้างเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท ต่อมาบริษัท ท. ย้ายโจทก์ไปทำงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการโดยสาร วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๘  ย้ายโจทก์ไปเป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์โดยให้มีผลวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๘ และวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๘ ได้มีหนังสือลดค่าจ้างโจทก์จาก ๓๐,๐๐๐ บาท เหลือ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ โจทก์ทำงานกับบริษัท ท.ถึงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ และวินิจฉัยว่า การที่บริษัท ท.มีคำสั่งดังกล่าวยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์ คำวินิจฉัยของจำเลยตามคำสั่ง ๓๒/๒๕๔๘ จึงเป็นการชอบ ไม่มีเหตุให้เพิกถอน
            โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่บริษัท ท. เปลี่ยนตำแหน่งงานโจทก์ก็เพื่อจะบีบบังคับ กดดัน กลั่นแกล้งให้โจทก์ไม่สามารถทนทำงานต่อไปได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมและความรู้ความสามารถของโจทก์ จึงถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์แล้วนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๘ วรรคสอง บัญญัติว่า การเลิกจ้างตามมาตรานี้ หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปได้และไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและมาได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปซึ่งข้อเท็จจริงศาลแรงงานกลางฟังมาปรากฏว่าบริษัท ท.เพียงแต่ย้ายตำแหน่งงานและลดค่าจ้างโจทก์ แต่ยังคงให้โจทก์ทำงานอยู่ต่อไป ซึ่งหากโจทก์เห็นว่าการกระทำของบริษัท ท. กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานต่อโจทก์ โจทก์ก็สามารถนำคดีฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อพิจารณาในปัญหาดังกล่าวหรือร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานเพื่อวินิจฉัยกรณีที่นายจ้างจ่ายค่าจ้างไม่ครบถ้วนก็ได้ ดังนั้นบริษัท ท. ไม่ได้กระทำการใดที่จะไม่ให้โจทก์ทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ และไม่เข้ากรณีที่โจทก์ไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่บริษัท ท. ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ การที่ศาลแรงงานกล่าววินิจฉัยว่า กรณีดังกล่าวยังไม่อาจถือได้ว่าบริษัท ท. เลิกจ้างโจทก์ คำสั่งที่ ๓๒/๒๕๔๘ ของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งของจำเลยจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น