กรณีที่พนักงานกระทำความผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
มักจะมีข้อโต้แย้งเรื่่อง บริษัทฯ ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
หรือตนได้อุทธรณ์ร้องทุกข์ตามระเบียบการร้องทุกข์ของบริษัทฯ แล้วบริษัทฯ เพิกเฉย
และคิดว่าเมื่อตั้งคณะกรรมสอบสวนไม่ชอบ หรือบริษัทฯ
ไม่ปฎิบัติตามระเบียบต้องทุกข์การลงโทษดังกล่าวไม่ชอบด้วยนั้น ให้ดูฎีกานี้
ฎีกาที่ ๕๖๗๙/๒๕๕๕
โจทก์อุทธรณ์ว่า ที่จำเลยที่ ๒ (บริษัทฯ)
กล่าวหาว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่เป็นการปฏิบัติผิดขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่
๒ และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจว่าด้วยบรรษัทภิบาล จำเลยที่ ๒
แต่งตั้งคณะกรรมการสอบความผิดของโจทก์โดยไม่ชอบด้วยระเบียบ
และเมื่อโจทก์ทำหนังสือร้องทุกข์ของความเป็นธรรมต่อผู้บังคับบัญชา จำเลยที่ ๒
ก็ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ หมวด ๗ ว่าด้วยการร้องทุกข์
เห็นว่าในปัญหาว่าจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ต้องร่วมกันจ่ายค่าชดเชย
และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์หรือไม่
ต้องพิจารณาว่าโจทก์ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา
๑๑๙ หรือไม่ และจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓
เลิกจ้างโจทก์มีเหตุผลสมควรหรือไม่ตามลำดับเป็นสำคัญ ส่วนจำเลยที่ ๒
จะปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือการร้องทุกข์หรือไม่
และไม่ว่าศาลแรงงานกลางจะนำระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่
๒
มาวินิจฉัยหรือไม่ก็ตามก็มิได้หมายความว่าโจทก์มิได้กระทำผิดอันจะมีผลกระทบถึงการพิจารณาคดีของศาลแต่อย่างใด เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่นำเงินที่ได้จากการขายสินค้าเข้าเครื่องระบบแคชเชียร์ภายในวันนั้นทันทีหลังจากปิดการขายตามระเบียบ
การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจทำให้จำเลยที่ ๒ ได้รับความเสียหายและทุจริตต่อหน้าที่
จึงมีเหตุอันสมควรในการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย