ค้ำประกันคนเข้าทำงาน
ถือเป็นสัญญาที่บุคคลผู้ค้ำประกันต้องเข้าไปเสี่ยงผูกพันความรับผิดต่อบุคคลที่ตนเข้าไปค้ำประกัน แล้วจะมีผลผูกพันเพียงใด!! กรณีที่บุคคลที่ค้ำประกันออกจากงานแล้วไปกระทำความผิด
หรือผิดสัญญาต่อนายจ้างแล้ว ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมหรือไม่!!
ฎีกาที่ ๔๗๕๘/๒๕๕๖
ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า
โจทก์ประกอบกิจการเกี่ยวกับการซื้อขายและผลิตสินค้าประเภทซีล โอริ่ง จำเลยที่ ๑
เป็นลูกจ้างโจทก์ โดยจำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ ๑
โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตามสัญญาจ้างแรงงานและสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย จ.๓
และ จ.๖ จำเลยที่ ๑ ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของโจทก์แล้ว จำเลยที่ ๑
ไปทำงานกับบริษัท อ. ซึ่งประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันและแข่งขันกับโจทก์ จำเลยที่ ๑
จึงผิดสัญญาจ้างแรงงานตามเอกสารหมาย จ.๓ ข้อ.๔ ที่ว่าจำเลยที่ ๑
จะไม่ปฏิบัติงานกับบริษัทที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกันกับโจทก์ จำเลยที่ ๑
ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้เป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่
๒ ต้องร่วมรับผิดกรณีจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาจ้างแรงงานข้อ.๔ หรือไม่เห็นว่า สัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.๖
ระบุว่า “หากเมื่อนาย ส. (จำเลยที่ ๑) เข้าปฏิบัติงานกับบริษัทฯ แล้วภายหลังทำให้บริษัทฯ
หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ ได้รับความเสียหายด้วยประการใดๆ ก็ตาม ข้าพเจ้านาง ศ.
(จำเลยที่ ๒)
ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนทันทีอย่างลูกหนี้ร่วมให้แก่บริษัทฯ
ทั้งหมดเต็มตามจำนวนที่ได้รับความเสียหาย” ไม่มีข้อความใดระบุโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่
๒ ยอมผูกพันร่วมรับผิดหากจำเลยที่ ๑
เข้าปฏิบัติงานกับบริษัทหรือหน่วยงานอื่นที่ประกอบกิจการประเภทเดี่ยวกันกับโจทก์หรือเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของจำเลยภายในระยะเวลา
๕ ปี
หลังจากลาออกจากการเป็นพนักงานหรือหลังจากสิ้นสุดสัญญาการว่าจ้างดังที่ระบุไว้ในข้อ.๔
ของสัญญาจ้างแรงงานเอกสารหมาย จ.๓ ความรับผิดของจำเลยที่ ๒
ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจึงจำกัดเฉพาะความเสียหายใดๆ ที่จำเลยที่ ๑
ก่อขึ้นในระหว่างเป็นลูกจ้างของโจทก์เท่านั้น
หาผูกพันถึงความเสียหายกรณีที่จำเลยที่ ๑
ไปเป็นลูกจ้างบริษัทอื่นที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกันหรือเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของโจทก์ในภายหลังไม่
จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับค่าเสียหายในส่วนนี้ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษามานั้น
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น