ฎีกาที่ ๑๘๗/๒๕๕๕
จำเลยอุทธรณ์ว่า
โจทก์เป็นผู้นำในการชุมนุมนัดหยุดงาน (ชอบด้วยกฎหมาย) โจทก์ร่วมกับลูกจ้างอื่นใช้โฟมทำเป็นโลงศพพร้อมด้วยพวกหรีด
นำไปตั้งที่หน้าที่ทำการของบริษัทจำเลย ร่วมทำพิธีไสยศาสตร์ เผาพริกเผาเกลือ
สาปแช่งพนักงานที่ร่วมชุมนุมด้วยกันอยู่ก่อนแต่เปลี่ยนใจกลับเข้าทำงานให้จำเลยและผู้บริหารจำเลย เป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
จงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย กระทำผิดร้ายแรง
และเป็นการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตนั้น
เห็นว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เหมาะสม หยาบคาย
ก็จริงอยู่แต่การใช้วิธีการดังกล่าวไม่ได้มีความเป็นเหตุเป็นผลในทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้คนที่มีความรู้มีการศึกษาทั่วไปเชื่อได้ว่าจะก็ให้เกิดผลได้จริงเป็นไปได้อย่างไร การทำพิธีสาปแช่ง เผาพริก เผาเกลือนั้น ฝ่ายโจทก์มุ่งหมายต่อพนักงานที่เปลี่ยนใจไม่ร่วมชุมนุมต่อ มิได้เจตนากระทำต่อจำเลย จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของโจทก์กับพวกแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งและอาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อความรู้สึกของจำเลย
หรือผู้บังคับบัญชาในฐานะที่เป็นคนเคยทำงานร่วมกัน แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดทำให้เกิดเสียหายร้ายแรงต่อจำเลย จึงมิใช่กรณีร้ายแรง และยังไม่ใช่การกระทำอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๕๘๓
เพราะการกระทำที่จะเข้าข่ายเช่นนั้นต้องมีความเสียหายในระดับที่ใกล้เคียงกับการกระทำความผิดอาญาต่อนายจ้าง
และกรณีไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙
ที่จะเป็นเหตุยกเว้นให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าชดเชย ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมาชอบแล้ว
หมายเหตุ ฎีกานี้วินิจฉัยว่าเป็นการมุ่งหมายต่อพนักงานด้วยกันเอง หากเป็นการกระทำต่อนายจ้างเช่นสาบเช่งต่อนาจ้าง หรือผู้บังคับบัญชา กรณีเช่นนี้น่าถือเป็นการกระทำต่อนายจ้างถึงขนาดทำให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างได้