ฎีกาที่ ๕๓๒๓/๒๕๕๔
กรณีใดจะถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง
นั้น จึงต้องพิจารณาว่าเป็นการเลิกจ้างโดนไม่มีสาเหตุแห่งการเลิกจ้างหรือไม่
หรือมีสาเหตุแต่ยังไม่สมควรถึงขนาดที่จะเลิกจ้าง
หรือสาเหตุแห่งการเลิกจ้างไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับหรือสัญญาจ้าง หรือการเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด หรือการเลิกจ้างโดยมีเจนตาจะกลั่นแกล้งลูกจ้างเหล่านี้เป็นต้น คดีนี้จำเลยที่ ๑ อ้างเหตุเลิกจ้างโจทก์ว่า
จำเลยที่ ๑ ประสบปัญหาการขาดทุนในปี ๒๕๔๗ และปี ๒๕๔๘ ปีละประมาณ ๒๐๐ ล้านบาท และมีแนวโน้มจะขาดทุนต่อไปเพราะสภาพธุรกิจมีคู่แข่งมากทำให้ปริมาณงานลดลง จำเลยที่ ๑ มีความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายโดนลดจำนวนพนักงาน เห็นว่า
เหตุดังกล่าวแม้จะมีอยู่จริงแต่ปัญหาการขาดทุนของจำเลยที่ ๑
ก็ไม่ได้เกิดเพราะสภาพทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว
แต่สาเหตุของการขาดทุนอีกประการหนึ่งตามที่ศาลแรงงานกลางฟังมาเกิดจากการที่จำเลยที่
๑ ซื้อกิจการบริษัท พ. จึงมีพนักงานของบริษัทดังกล่าวรวมเข้าด้วยกับบริษัทจำเลยทำให้มีรายจ่ายมากขึ้น
แต่ข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏอย่างชัดแจ้งว่าแนวโน้มในการดำเนินธุรกิจของจำเลยที่
๑ ในปีต่อ ๆ ไปจะต้องประสบภาวะวิกฤตจนถึงขั้นไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้จะนำผลการขาดทุนในปี
๒๕๔๗ และปี ๒๕๔๘
อย่างเดียวมาวินิจฉัยถึงความจำเป็นต้องปรับลดรายจ่ายและจำนวนพนักงานจนเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ไม่ได้ จำเลยที่ ๑
ยังให้พนักงานอื่นมาทำหน้าที่แทนโจทก์
จึงยังไม่มีเหตุผลจำเป็นและสมควรเพียงพอที่จะเลิกจ้างโจทก์ การเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม